วิฃาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.4

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

Microsoft เปิดตัว Surface Laptop โน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ เจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงาน

หลังจากไม่ปล่อยอุปกรณ์รุ่นใหม่ออกมานาน ล่าสุดทางไมโครซอฟต์ก็ได้เปิดตัว Surface laptop รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเป็นรุ่นที่ออกมาเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่นักศึกษาโดยเฉพาะ
Surface laptop รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับกันหน้าจอ PixelSense ขนาด 13.5 นิ้ว ความละเอียด 1080p อัตราส่วนหน้าจอแบบ 3:2 ตัวเครื่องมีความบางยิ่งกว่า MacBook Air ด้วยความบางเพียง 9.9 มม. - 14.47 มม. เท่านั้น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัม
Microsoft ประกาศว่าหน้าจอของ Surface laptop รุ่นใหม่นี้ เป็นหน้าจอแบบสัมผัสที่บางที่สุดที่โน๊ตบุ๊คเคยมีมา นอกจากนี้หน้าจอยังรองรับการทำงานร่วมกับ Surface Pen ด้วย แต่สำหรับปากกานี่ต้องซื้อแยกนะครับ ไม่มีมาในกล่อง
ตัวเครื่องมีให้เลือก 4 สี ประกอบไปด้วย Burgundy, Platinum, Cobalt Blue และ Graphite Gold สเปคสามารถเลือกได้ตั้งแต่ Intel 7th generation Core i5 ถึง i7 แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 14.5 ชั่วโมง
คีย์บอร์ดทำจาก Fabric-Alcantara วัสดุเดียวกับที่ใช้ในคีย์บอร์ดของ Surface Pro 4 มีไฟ Backlit ในตัว พอร์ตการเชื่อมต่อที่ให้มามี USB 3.0, miniDisplayPort, ช่องเสียบหูฟัง และ Surface Connect
ราคาเริ่มต้นที่ $999 (ประมาณ 34,420 บาท) ในรุ่น Intel Core i5, Intel HD Graphics 620, 128GB SSD, แรม 4GB ไปจนถึง $2,199 (ประมาณ 75,770 บาท) สำหรับรุ่น Intel Core i7,Intel Iris Plus Graphics 640, 512GB SSD, แรม 16GB ตอนนี้เปิดให้สั่งจองแล้วผ่านทางหน้าเว็บของ Microsoft

ที่มา : www.microsoft.com 


Microsoft เปิดตัว Surface Pro ใหม่! กลับสู่ชื่อที่เรียบง่าย ไร้เลขรุ่นต่อท้ายอีกต่อไป

ในที่สุด Microsoft ก็ยอมปล่อย Surface Pro 5 รุ่นใหม่ออกมาให้ได้สัมผัสกัน ซึ่งเว้นช่วงจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Surface Pro 4 ไปถึงปีครึ่ง (Surface Pro 4 เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือน ตุลาคม 2015) โดยรอบนี้ ทาง Microsoft ได้เปิดตัวกันผ่านงานแถลงข่าว Surface ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
สำหรับ Surface Pro รุ่นใหม่นี้ จะไม่มีเลขรุ่นห้อยท้ายอีกต่อไป เหลือเพียงชื่อที่เรียบง่าย แค่คำว่า Surface Pro ซึ่งโดยภายนอกแล้ว Surface Pro รุ่นใหม่ อาจจะไม่มีลูกเล่นใหม่ๆ มากมายให้ตื่นเต้นเหมือนอย่างแบรนด์อื่นๆ แต่ Microsoft ก็ได้นำอาวุธต่างๆ ที่มี มาเสริมให้กับ Surface Pro รุ่นใหม่นี้ได้อย่างลงตัว
จุดแรกที่คนให้ความสนใจกับ Surface Pro รุ่นใหม่นี้ ก็คือ แบตเตอรี่ไลฟ์ ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า Surface Pro 4 รุ่นก่อนหน้าถึง 50% โดยสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 13.5 ชั่วโมงด้วยกัน ซึ่งการที่ Surface Pro รุ่นใหม่นี้ สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสเปคใหม่นั่นเอง
โดย Surface Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ต Intel Core 7th Generation Kaby Lake processor ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 โมเดล ทั้ง Core M3, i5 และ i7 ซึ่งทั้งรุ่น M3 และ i5 จะมาพร้อมกับดีไซน์ Fanless (ไร้พัดลม) ทำให้ตัวเครื่องบางลง, มีน้ำหนักเบา และทำงานได้เงียบอีกด้วย ส่วนรุ่น i7 ตัวท็อปจะยังคงมี พัดลม ไว้ช่วยระบายความร้อน และด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่นี้ ทำให้ Surface Pro รุ่นใหม่มีความเร็วมากกว่า Surface Pro 4 ถึง 20% และ Surface Pro รุ่นนี้ ยังเป็นรุ่นแรก ที่มีรุ่นโมเดลรองรับ LTE จำหน่าย ทั้ง microSIM และ eSIM อีกด้วย (แต่ราคาก็จะสูงกว่ารุ่นปกติหน่อย)

ที่มา : www.express.co.uk


Acer Predator Triton 700 เกมมิ่งแล็ปท็อปเครื่องแรก ที่บางเกือบเท่า MacBook Air!

ในที่สุดก็มาถึงยุคสมัยที่ Gaming Laptop หรือโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมส์โดยเฉพาะ จะมีเครื่องบางๆ ออกมาให้พกพากันบ้าง ซึ่งทาง Acer แบรนด์คอมพิวเตอร์ชื่อดัง ก็ได้ปล่อย Acer Predator Triton 700 ออกมา ซึ่งในรุ่นนี้มีความบางเพียง 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
และสิ่งที่ทำให้ Acer Predator Triton 700 เครื่องนี้ มีความบางไม่ถึง 2 เซนติเมตรได้ ทั้งๆ ที่ยังต้องถือสเปคแรงๆ สำหรับเล่นเกมส์อยู่ ก็เป็นเพราะว่า GPU ที่ทาง Acer ได้เลือกใช้เป็นการ์ดจอตัวใหม่จากทาง NVIDIA ที่ใช้เทคโนโลยี Max-Q มาผลิตทำให้เกิด GPU รุ่น GeForce GTX 1080 ที่มีความบางจนสามารถผลิตเกมมิ่งแล็ปท็อปที่มีความบางสุดถึง 18 มิลลิเมตรได้ (เกือบเท่า MacBook Air ที่มีความบาง 17 มิลลิเมตรเลยทีเดียว)
สำหรับเทคโนโลยี Max-Q หรือ Maximum Q เป็นแนวคิดดีไซน์ที่ใช้ในองค์กร NASA สำหรับผลิตยานอวกาศ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้งานกันบนอวกาศ ให้มีขนาดที่เล็กที่สุด โดยไม่เสียพื้นที่อย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งทาง NVIDIA ก็ได้นำเทคโนโลยีนี้ มาใช้กับการผลิตอุปกรณ์ของพวกเขา และทำให้ฝันของเกมเมอร์สายแล็ปท็อปเป็นจริง ที่จะได้พกพาขุมพลังอาวุธในขนาดที่บางกับเขาบ้างแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมาพร้อมกับขนาดที่บางเบา แต่สเปคก็ไม่ได้เบาตาม สำหรับ Triton 700 เครื่องนี้ เพราะนอกจากการ์ดจอ GeForce GTX 1080 แล้ว ยังมาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ Intel Core 7th Gen รองรับแรม DDR4 ได้สูงสุด 32 GB และรองรับฮาร์ดดิสก์แบบ NVMe PCIe SSDs ถึง 2 ลูกด้วยกัน
อีกหนึ่งความเด็ดที่แปลกตาแปลกใจ ก็คือเพลท Gorilla Glass เหนือคีย์บอร์ด ที่ทำให้เรามองทะลุลงไปเห็นพัดลมในตัวเครื่องและท่อระบายความร้อน ซึ่งเพลทตรงนี้ ยังทำหน้าที่เป็น Touchpad อีกด้วย
ส่วนด้านสเปคอื่นๆ ที่เหลือก็มี หน้าจอ Full HD ขนาด 15.6 นิ้ว ที่รองรับการใช้งาน G-Sync มีพอร์ต Thunderbolt 3, USB-C จำนวน 2 พอร์ต, DisplayPort, Gigabit Ethernet และ Mechanical Keyboard พร้อมไฟ RGB Backlit ให้ใช้งาน โดยจะเริ่มจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาช่วงเดือน สิงหาคม ในราคา $2,999 หรือประมาณ 102,000 บาทไทย
ที่มา : www.slashgear.com


Apple เปิดตัว new iMac Pro ซีพียู 18 คอร์ จอ 5K ในราคาประมาณ 153,200 บาทนะ

ในงาน WWDC 2017 ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อคืน ทาง Apple เขาได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ในรูปแบบเครื่อง Desktop all-in-one สเปคแรงสำหรับมืออาชีพทางด้านงานกราฟฟิก นั่นก็คือเครื่อง new iMac Pro และมันถูกขนานนามให้ว่าเป็นเครื่อง Mac ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา ซึ่งมันจะมาแทนเครื่อง Mac Pro รุ่นเก่าที่กลายเป็นของล้าสมัยไปแล้ว และเจ้าเครื่อง iMac Pro รุ่นใหม่นี้จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2017 ในราคา $4,999
Apple ยังเผยรายละเอียดลงลึกถึงไส้ในว่า เจ้าเครือง Desktop สุดโปรนี้ สวมขุมพลังหน่วยประมวลผลของ Intel Xeon 8 คอร์ แต่ก็สามารถปรับสเปคขึ้นไปใช้หน่วยประมวลผลตัวแรง Intel Xeon 18 คอร์ได้ตามต้องการ ทางด้านของขุมพลังการประมวลผลกราฟฟิกเลือกใช้ AMD Radeon Vega ซึ่งเป็นชิปกราฟฟิกตัวแรงรุ่นล่าสุด สามารถใส่ RAM ของหน่วยประมวลผลกราฟฟิก (VRAM) ได้สูงสุดถึง 16GB และในส่วนของหน่วยความจำ RAM ก็สามารถใส่ได้สูงสุดถึง 128GB กันเลยทีเดียว ในส่วนของตัวเก็บข้อมูลแบบ SSD ก็สามารถใส่ได้สูงสุดถึง 4TB นอกจากนี้เจ้า new iMac Pro ยังมีสเปคอื่นๆ ที่น่าสนใจดังนี้ครับ
  • มีพอร์ต Thunderbolt 3 ถึง 4 ช่อง
  • รองรับหน้าจอ 5K สองหน้าจอพร้อมกัน
  • กล้อง FaceTime camera 1080p
  • เรนเดอร์ 3D ได้แบบเรียลไทม์
  • หน้าจอ 5K ในตัว
  • CPU Intel Xeon 8 - 18 Core
  • ชิปกราฟฟิก Radeon Vega
  • เป็นเครื่องระดับ Workstation ในหน้าตาที่เหมือนกับ iMac 5K 
  • ราคาเริ่มที่ $4,499 ประมาณ 153,200 บาท วางขายเดือนธันวาคม
  • ที่มา : www.theverge.com

Asus เตรียมเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ออกแบบมาสำหรับขุดเหมือง Bitcoin โดยเฉพาะ

ในตอนนี้กระแสขุดเหมืองเงินอิเล็กทรอนิกส์จำพวก Bitcoin หรือเงินสกุลอื่น กำลังเป็นการลงทุนที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก อย่างงาน Commart JOY 2017 ที่เพิ่งจบไป มีคนไปตามล่าหาซื้ออุปกรณ์สำหรับขุดกันจนของขาดเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในฮาร์ดแวร์สำหรับขุดที่สำคัญก็คือการ์ดจอ
จึงไม่น่าแปลกใจ หาก Asus จะออกแบบการ์ดจอสำหรับขุดเหมืองออกมาวางจำหน่ายโดยเฉพาะ จากข้อมูลบนหน้าเว็บ Asus ทำออกมา 2 รุ่น คือ MINING-P106-6G และ MINING-RX470-4G ดูจากชื่อรุ่นก็คงเดาได้ไม่ยากว่า MINING-P106-6G ใช้การ์ดจอ GTX 1060 เป็นพื้นฐาน ส่วน MINING-RX470-4G ใช้ AMD RX 470 นั่นเอง
การ์ดจอทั้งสองรุ่นถูกออกแบบระบบระบายความร้อนมาเป็นพิเศษออกแบบมาให้ใช้งานได้แบบ 24/7 เปิดทิ้งไว้แบบลืมวันลืมคืน ด้วยการใช้ใช้พัดลมที่มีแบริ่งเร่งความเร็วในการหมุนให้ระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว, IP5X กันน้ำและฝุ่น และมาพร้อมตัวปรับแต่ง GPU เพื่อเร่งความเร็วในการขุด
ทั้งนี้ราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย

ที่มา : www.engadget.com


MacBook Pro จอ 13 นิ้ว รุ่นไม่มี Touch Bar ขยับราคาลงมาที่ 44,000 บาท พร้อมจะซื้อกันยัง?

ในงาน WWDC 2017 ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ทาง Apple ได้ประกาศถึงรายละเอียดการอัพเดตสายผลิตภัณฑ์ MacBook ที่มีการอัพเกรดให้ Laptop ของพวกเขาสเปคสูงขึ้นอีกขั้นด้วย CPU Intel ใน Generation ที่ 7
ซึ่งรายละเอียดการอัพเดตสายผลิตภัณฑ์ Laptop ที่น่าสนใจ ก็มีอาทิ MacBook Pro จะได้รับการอัพเดตมาใช้ CPU ใน Generation ล่าสุดอย่าง Kaby Lake รวมถึงการที่ MacBook รุ่นขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว จะได้เปลี่ยนมาใช้หน่วยเก็บข้อมูลแบบ SSD ที่ความเร็วสูงกว่าเก่า และอีกหนึ่งกระแสที่สร้างความฮือฮากับ MacBook Pro รุ่นหน้าจอ 13 นิ้วที่ไม่มี Touch Bar ได้มีการขยับราคาขายลงมาที่ $1,299 (ประมาณ 44,250 บาท) เป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างเสียงปรบมือได้ทั้งงาน ในขณะที่ MacBook Pro รุ่นหน้าจอ 15 นิ้ว จะมีการออกรุ่นที่ใช้กราฟฟิกแบบ Standard ให้เลือกซื้อด้วย ในขณะที่รายละเอียดอย่างอื่นๆ ของเครื่องซีรี่ย์ MacBook ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอ ดีไซน์ รวมถึงเรื่องของช่องพอร์ต
มาเจาะลึงลงในสเปคกันบ้าง ในส่วนของ MacBook ได้มีการขยับมาใช้ CPU ประสิทธิภาพสูงอย่าง Intel Core i7 1.3GHz ในขณะที่ MacBook Pro ขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว ก็มีการขยับมาใช้ CPU ตัวแรง Intel Core i7 3.5GHz และในส่วนของ MacBook Pro ขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว มีการขยับไปใช้ CPU Intel Core i7 3.1GHz
จากภาพรวม จะเห็นว่าทาง Apple ได้ทำการอัพเดตสเปคเครื่อง Laptop ของพวกเขา เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ได้ แต่ยังมีจุดที่น่าเป็นห่วง ตรงที่ยังคงยึดติดอยู่กับพอร์ต USB-C รวมถึงแป้น Touch Bar ที่บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นลูกเล่นที่ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่
ที่มา : www.theverge.com


Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ Xeon-W สำหรับเครื่องระดับ Workstations

ในวันนี้ ทางค่าย Intel ได้ประกาศเปิดตัว Xeon-W โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับ Workstations พัฒนาบนพื้นฐานเทคโนโลยีของสถาปัตยกรรม Skylake-SP ซึ่งออกมาเพื่อแข่งขันกับโปรเซสเซอร์ EPYC ของค่าย AMD ทั้งนี้ Xeon-W มีการปรับเปลี่ยนชื่อรุ่นจากเดิมที่ใช้เป็น E5 และ E7 เป็น Platinum, Gold, Silver และ Bronze ด้วย
อินเทลเผยว่า Xeon-W จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเครื่องระดับเซิฟเวอร์กับเครื่องส่วนบุคคลให้ใกล้กันมากกว่า และจะมาแทนที่โปรเซสเซอร์ซีรีย์ตระกูล E5-1600 โดยตรง ซึ่งหมายความว่าเราจะได้เห็นโปรเซสเซอร์ Skylake-SP Xeons บน Socket LGA2066 (หรือ Socket R4) ที่มาพร้อมกับลูกเล่นของโปรเซสเซอร์ระดับมืออาชีพด้วย
จะถูกแบ่งออกเป็น 8 รุ่น ตัวระดับสูงสุด คือ Xeon W-2195 ที่จะมี 18 คอร์ 36 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 2.3GHz และ Turbo Boost ได้ถึง 4.3GHz ส่วนรุ่นต่ำสุดจะเป็น 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 3.6GHz และ Turbo Boost ได้ถึง 3.9GHz
ทั้งนี้ Xeon-W จะทำงานได้กับเมนบอร์ดแบบ C422 เท่านั้น และไม่รองรับ DRAM 128GB LRDIMMs กับ Turno Boost 3.0 
ซึ่งหากดูจากโครงสร้างแล้ว Xeon-W มีความใกล้เคียงกับโปรเซสเซอร์ตระกูล Skylake-X (อย่างรุ่น Core i9) แต่ว่ามีการเพิ่มคุณสมบัติระดับมืออาชีพใส่เข้ามาอย่างเช่น VPro, RAS, AMT เป็นต้น
สำหรับการวางจำหน่าย Xeon-W ระดับไม่เกิน 10 คอร์ จะเริ่มวางจำหน่ายผ่านผู้ผลิต OEM แล้ว ส่วนการซื้อมาประกอบเองจะมีวางขายก่อนแค่รุ่น W-2123 และ W-2135
 
ที่มา :   www.anandtech.com